บทความที่ได้รับความนิยม

วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2556

ปุ๋ยจากธรรมชาติ : ตอนปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพหมูหลุม

                                                                                                                    รุ่งทิพย์  สุขกำเนิด


              แม้พวกเราทุกคนจะชอบกินหมู ไม่ว่าจะเป็นหมูปิ้ง หมูทอด หมูอบ หมูแดง หรืออีกสารพัดหมู แต่น้องหมูกลับถูกรังเกียจ ถูกห้ามเลี้ยงในเขตเทศบาล เขตชุมชน ด้วยเพราะอึน้องหมูของเรานี่แหละ หึ่งสุดๆไปเลย แถมยังนำเอาเหล่ากองทัพแมลงวันซึ่งเป็นต้นเหตุของสารพัดโรคมาอยู่ด้วย พอนึกถึงหนอนในบ่ออึหมูแล้ว สยึ๋มกึ๋ย !!
           
             แต่วันนี้เรามีทีเด็ดจากเกษตรกรหัวก้าวหน้ามาฝากค่ะ  ที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติเนินไทร สระแก้ว เขาสอนให้เลี้ยงหมูหลุม ซึ่งแก้ปัญหาเรื่องกลิ่นได้ชะงัดนัก  แถมน้องหมูก็แข็งแรงโดยไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ ผิวนวลขาวอมชมพูโดยปราศจากสารเร่งเนื้อแดง  แม้หมูจะโตได้ที่จนขายไปแล้ว  แต่ “ขี้” ยังอยู่  ตัวนี้แหละสำคัญเลยค่ะ  ถ้าตักขายก็ได้เงินแบบสี่หลัก  แต่ที่นี่นำมาเพิ่มมูลค่าด้วยการทำ “ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพหมูหลุมสูตรเร่งดอก” กลิ่นก็ไม่เหม็น  แถมยังช่วยให้ข้าวในนา และพืชผัก ไม้ดอกไม้ประดับเติบโต ออกดอกกันยกใหญ่  อีกทั้งยังใช้ได้กับต้นไม้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น สนามหญ้า กล้วยไม้ หรือแม้แต่บัว  จนตอนนี้กลายเป็นขวัญใจของเหล่าแม่บ้านพ่อบ้านที่ได้ลองใช้กันทั่วหน้า  อยากรู้ไหมว่า ครูเล็ก ครูคำ ผู้คิดค้นปุ๋ยฯหมูหลุมสูตรเร่งดอก เขาใส่อะไรลงไป ถ้าอยากรู้ ตามมาดูกัน

ส่วนผสมปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพหมูหลุมสูตรเร่งดอก
ก่อนจะทำปุ๋ยก็ต้องเตรียมส่วนผสมกันให้พร้อมก่อนนะจ๊ะ มี 5 อย่างตามนี้เลย
1.เริ่มจากการเลี้ยงหมูแบบหมูหลุม  โดยใส่แกลบ ฟาง น้ำหมักและน้ำส้มควันไม้ ปล่อยให้หมูคลุกเคล้า ประมาณ 3-4 เดือน จากนั้นนำมูลหมูหลุมที่ได้มาตากให้แห้ง
2.ในช่วงเวลาเดียวกันก็เสาะหาดินจอมปลวก หรือจะผลิตดินที่อุดมไปอินทรีย์วัตถุเองด้วยการหมักเศษใบไม้ ฟาง และดิน จนเปื่อยกลายเป็นดิน
3.และพร้อมๆกันอีกนั่นแหละ ก็เริ่มทำน้ำหมักชีวภาพ  3 แบบ คือ น้ำหมักยอดผัก  น้ำหมักเศษอาหาร และน้ำหมักผลไม้  ซึ่งแต่ละตัวก็มีทีเด็ดต่างกัน คือ ตัวแรกจะช่วยเร่งการเติบโต  ตัวถัดมาจะบำรุงต้นให้แข็งแรง และอีกตัวจะสร้างฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นตาดอก
4.ระหว่างรอก็เตรียมรำ หรือปูนขาว หรือขี้เถ้าไว้ด้วย
5.อันนี้ก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่าคือ น้ำขี้หมู

หมูหลุม หุ่นดี อารมณ์ดี แข็งแรงดี ที่สำคัญไม่ต้องทนเหม็นอุนจิของตัวเอง


3 เดือนต่อมา เมื่อส่วนผสมพร้อม ก็ลงมือทำกันเลย เริ่มจาก นำส่วนผสมของข้อ 1 และ 2 มาคลุกเคล้าให้เข้ากัน   ใส่เครื่องปั้นเม็ด จากนั้นใส่น้ำหมักที่เตรียมไว้ในข้อ 3  และน้ำขี้หมูในข้อ 5 ลงไปพอหมาด  (ใส่มือบีบดูจะไม่แตกจากกัน)  ตามลงไปด้วยรำหรือปูนขาว หรือขี้เถ้าเพื่อช่วยสร้างความแกร่งให้เม็ดปุ๋ย  เมื่อได้เม็ดปุ๋ยแล้วให้นำมาผึ่งในร่ม พอแห้งแล้วนำไปใช้ได้เลย ระหว่างรอ เราจะเห็นเส้นใยขาวๆฟูๆที่เม็ดปุ๋ย ไม่ต้องตกใจค่ะ เพราะเป็นจุลินทรีย์ที่มีชีวิต ที่แอคทีฟและเตรียมพร้อมที่จะย่อยสลายเศษใบไม้ต่างๆ และพร้อมที่จะปลดปล่อยธาตุอาหารแก่พืช  นั่นเอง

ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพหมูหลุมปั้นเม็ดที่อยู่ระหว่างการตากให้แห้ง จะมีจุลินทรีย์เป็นเส้นใยสีขาวเดินทั่ว

            
               นอกจากธาตุอาหารที่ได้จากมูลหมูหมักผสมดินที่มีอินทรีย์วัตถุแล้ว ยังได้น้ำขี้หมูและน้ำหมัก ซึ่งจะเป็นตัวผสานส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน  โดยน้ำขี้หมูจะอุดมไปด้วยธาตุไนโตรเจนซึ่งจะเป็นตัวสร้างการเติบโตของลำต้นและใบแก่พืช ส่วนน้ำหมักทั้ง 3 แบบจะเพิ่มธาตุอาหารหลักและรองสารพัด รวมถึงฮอร์โมนจากธรรมชาติเพื่อกระตุ้นการเติบโตและสร้างตาดอก โดยอาศัยจุลินทรีย์ที่มีอยู่ในน้ำหมักเป็นตัวช่วยย่อยอินทรีย์วัตถุในปุ๋ยมูลหมูของเราแล้วค่อยๆ ปลดปล่อยสารอาหารที่มีประโยชน์เพื่อให้พืชนำไปใช้ได้สะดวกขึ้น ทำให้ต้นพืชเติบโตแบบแข็งแรง เมื่อต้นไม้แข็งแรง ก็พร้อมจะแตกยอดอ่อน และตาดอก โดยไม่ทำให้ต้นไม้เสื่อมโทรม

ภูมิปัญญาของชุมชนข้างต้น ส่วนหนึ่งสามารถอธิบายได้โดยใช้ ข้อมูลจาก สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เล่มที่ 18 ที่รวบรวมโดย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ระบุว่า “โดยปกติธาตุไนโตรเจนจะมีอยู่ในอากาศในรูปของก๊าซไนโตรเจนเป็นจำนวนมาก แต่ไนโตรเจนในอากาศในรูปของก๊าซนั้น พืชนำเอาไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ ยกเว้นพืชตระกูลถั่วเท่านั้นที่มีระบบรากพิเศษสามารถแปรรูปก๊าซไนโตรเจนจากอากาศ เอามาใช้ประโยชน์ได้  ธาตุไนโตรเจนที่พืชทั่ว ๆ ไปดึงดูดขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้นั้น จะต้องอยู่ในรูปของอนุมูลของประกอบ เช่น แอมโมเนียมไอออน (NH4+) และไนเทรตไอออน (No3-) ซึ่งธาตุไนโตรเจนในดินที่อยู่ในรูปเหล่านี้จะมาจากการสลายตัวของสารอินทรียวัตถุในดิน โดยจุลินทรีย์ในดินจะเป็นผู้ปลดปล่อยให้  หรือต้องได้มาจากการที่เราใส่ปุ๋ยเคมีลงไปในดิน”*   ดังนั้น  ถ้าเทียบกันง่ายๆที่การได้รับธาตุไนโตรเจนของพืชแล้วหล่ะก้อ  การใส่ปุ๋ยอินทรีย์ที่มีจุลินทรีย์ หรือที่ปัจจุบันเขาเรียกกันว่า “ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ” ก็จะยิ่งช่วยทำให้พืชได้ประโยชน์จากการใส่ปุ๋ยมากกว่าการใส่ปุ๋ยอินทรีย์แบบเพียวๆ  และได้ประโยชน์มากกว่าการใส่ปุ๋ยเคมีถ้าเทียบในรูปของประโยชน์อื่นๆที่ปุ๋ยเคมีไม่มีและต้นทุนที่ต่างกัน  ด้วยเหตุผลที่ว่า การใส่ปุ๋ยเคมีที่มีไนโตรเจนนั้น ธาตุไนโตรเจนในปุ๋ยที่ใส่จะมีการสูญหายไปประมาณครึ่งหนึ่งเนื่องจากการชะล้างอย่างรวดเร็ว หรือไม่ก็จะถูกแปรเปลี่ยนโดยจุลินทรีย์ในดินทำให้อยู่ในรูปที่พืชไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ ทำให้พืชไม่ได้รับประโยชน์เท่าที่ควร** หรือพูดง่ายๆว่า ซื้อของมาเต็มราคา แต่ได้ประโยชน์แค่ครึ่งเดียว

สิ่งที่เราต้องเข้าใจมากไปกว่าการใส่ปุ๋ยก็คือ สภาพของดินที่เหมาะแก่การปลูกพืช ดินที่ดีจะต้องประกอบไปด้วย ดินและธาตุอาหารในดิน น้ำ และอากาศ  ดินที่ปลูกพืชมานานโดยขาดการบำรุงจะเป็นดินที่จืดชืดจนพืชขาดสารอาหารในการเติบโต ส่วนดินที่ไม่มีการพรวนนานๆเข้า ดินจะแน่นเพราะขาดช่องว่างให้อากาศได้แทรกตัวลงไป เวลารดน้ำก็จะยิ่งสูญเสียหน้าดินเพราะน้ำไม่ซึมลงไปถึงราก แต่จะชะล้างหน้าดินแทน ดังนั้น วิธีการดูแลต้นพืชที่ดี จึงควรบำรุงหรือเลี้ยงดินให้อุดมสมบูรณ์ เพื่อให้ดินไปเลี้ยงพืชอีกต่อหนึ่ง  นั่นหมายความว่า นอกจากจะต้องเพิ่มธาตุอาหารแล้ว จึงควรมีการพรวนดินเพิ่มช่องว่างในดิน และถ้าดินของเราอุดมสมบูรณ์ก็อย่าตกใจที่จะพบกับไส้เดือน กิ้งกือ ซึ่งจะมาช่วยเราอีกทางหนึ่งในการดูแลต้นไม้

ด้วยหลักการข้างต้น ดังนั้นวิธีใช้ปุ๋ยหมูหลุมที่ถูกต้อง จึงควรมีการพรวนดินและใส่โดยคลุกเคล้าไปกับดิน และหากดินเดิมมีอินทรีย์วัตถุในดินด้วยจะยิ่งดี เพราะจุลินทรีย์ในเม็ดปุ๋ยนอกจากจะค่อยๆปลดปล่อยธาตุอาหารที่มีในเม็ดปุ๋ยแล้ว  ยังช่วยสร้างอาหารใหม่เพิ่มขึ้นจากอินทรีย์วัตถุที่มันกำลังจะย่อยต่อไป 
            
             หากเป็นไม้กระถาง ยิ่งมีอาหารจำกัดในการเติบโต   ถ้าดินเก่าดินแก่ ไม่เคยดูแลมานาน  ก็ควรเปลี่ยนดินใหม่ โดยคลุกปุ๋ยหมูหลุมไปพร้อมกับการเปลี่ยนดิน จะยิ่งเห็นความงามเร็วขึ้น
            
            ท้ายนี้ฝากข้อคิดดีๆไว้ใช้ในสวน  “หากลงทุน ลงแรงอย่างดีและชาญฉลาดในวันนี้  ก็จะได้เก็บเกี่ยวผลผลิตที่ดีในอนาคตอันใกล้”

ครูคำ กำลังสาธิตวิธีการคลุกและปั้นเม็ดปุ๋ยโดยใช้เครื่องมือก่อสร้างที่ประยุกต์ขึ้นเอง



ขอบคุณข้อมูลจาก
ครูเล็ก ครูคำ  ศูนย์กสิกรรมกธรรมชาติบ้านเนินไทร จ.สระแก้ว
**สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวhttp://kanchanapisek.or.th/kp6/New/sub/book/book.php?book=18&chap=8&page=t18-8-infodetail06.html